หากไม่นับบรรดามัมมี่ที่ค้นพบในอียิปต์ อีกหนึ่งในมัมมี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้น “เอิตซี มนุษย์น้ำแข็ง” (Ötzi the Iceman) มัมมี่อายุ 5,300 ปีซึ่งค้นพบเมื่อปี 1991 ในสภาพถูกแช่แข็งอยู่ในลำธาร บริเวณเทือกเขาแอลป์ฝั่งภูมิภาคทีโรล
เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์น้ำแข็งรายนี้ยังคงเต็มไปด้วยความลึกลับ ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของเขา เขาเป็นใคร และเหตุใดเขาจึงมาอยู่บนเทือกเขาแอลป์ แต่ละปี มีคนหลายพันคนไปชมมัมมี่ของเขาที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีเซาธ์ทีโรลในอิตาลี
แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) มีการเผิดเผลผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับดีเอ็นเอที่สกัดจากกระดูกเชิงกรานของเอิตซี ได้เปิดเผยความลับบางอย่างของเขา นั่นคือการวิเคราะห์องค์ประกอบทางพันธุกรรมของเขาจนทราบรูปร่างลักษณะหน้าตาของเขา ว่ามีผิวคล้ำ ตาดำ และมีแนวโน้มว่าจะศีรษะล้าน ตรงกันข้ามกับแบบจำลองก่อนหน้านี้ที่เป็นชายชายผิวซีด มีผมและเครา
อัลเบิร์ต ซิงก์ หัวหน้าสถาบันศึกษามัมมี่แห่งยูแรค รีเสิร์ช ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเอกชนในเมืองโบลซาโน ประเทศอิตาลี หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่าผิวของเขาดำคล้ำระหว่างกระบวนการทำมัมมี่ แต่ดูเหมือนว่าสีผิวที่เข้มของมัมมี่นี้จะค่อนข้างใกล้เคียงกับสีผิวของมนุษย์น้ำแข็งขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่”
ซิงก์บอกว่า นี่อาจไม่ใช่ใชเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะมีข้อสังเกตว่า ชาวยุโรปจำนวนมากในช่วงเวลานั้นน่าจะมีสีผิวคล้ำกว่าชาวยุโรปในปัจจุบัน “ชาวนายุโรปในยุคแรกยังมีผิวที่ค่อนข้างคล้ำ ก่อนจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเป็นผิวที่สีอ่อนลงตามการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและอาหาร”
เขาเสริมว่า “ดูเหมือนว่ามนุษย์น้ำแข็งจะเน้นกินเนื้อค่อนข้างมาก ซึ่งได้รับการยืนยันจากการวิเคราะห์ของเราที่ท้องของเขาซึ่งแสดงให้เห็นเนื้อแพะและเนื้อกวาง”
ด้าน ลาร์ส โฮลเกอร์ พีลู ผู้อำนวยการร่วมของโครงการ Secrets of the Ice ในนอร์เวย์ ซึ่งทำการศึกษาอิตซีมาโดยตลอด แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยล่าสุด กล่าวว่า แม้ว่าการวิเคราะห์ดีเอ็นเอจะชี้ให้เห็นว่า เอิตซีมีศีรษะล้าน แต่ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเขาสูญเสียเส้นผมไปมากน้อยเพียงใดในช่วงที่มีชีวิตอยู่
พบหลักฐาน “ความเย็นครั้งใหญ่” นำพาหายนะมาสู่มนุษย์โบราณในยุโรป
พบกะโหลกปริศนาอายุ 3 แสนปี เป็นของ “มนุษย์โบราณที่ไม่มีใครเคยรู้จัก”
หัวลูกศรโบราณยุคสำริดอายุ 3,000 ปี แต่ทำจาก “วัตถุนอกโลก”
“เอิตซีอาจจะหัวล้านด้วยเหตุผลทางพันธุกรรม แต่ตอนนี้ผมมองว่าศีรษะล้านเกือบสมบูรณ์ในตอนนี้น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิต เส้นขนบนผิวหนังมักจะหลุดร่วงระหว่างที่ (ร่างกาย) อยู่ในและนอกน้ำแข็ง (และบางครั้งก็อยู่ในน้ำ) ขณะที่ผิวหนังชั้นนอกสลายตัว” พีลูกล่าว
นอกจากนี้ จีโนมที่จัดลำดับจากดีเอ็นเอที่นำมาจากกระดูกเชิงกรานของเอิตซีนั้นสมบูรณ์กว่าจีโนมก่อนหน้านี้ที่ปะติดปะต่อเข้าด้วยกันในปี 2012 และช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเอิตซีด้วย
โดยเมื่อนักวิจัยเปรียบเทียบจีโนมของเอิตซีกับจีโนมของมนุษย์โบราณอื่น ๆ พวกเขาพบว่า มนุษย์น้ำแข็งมีลักษณะที่เหมือนกันกับชาวนาชาวอนาโตเลียในยุคแรก ๆ (ตุรกีในปัจจุบัน) มากกว่าคำพูดจาก เครื่องสล็อต
ซิงก์อธิบายว่า “มันไม่ได้เปลี่ยนความรู้ของเราเกี่ยวกับมนุษย์น้ำแข็งไปอย่างสิ้นเชิง แต่ทำให้บางสิ่งชัดเจนขึ้น มันแสดงให้เห็นว่ามนุษย์น้ำแข็งน่าจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว โดยมีการติดต่อกับประชากรอื่นอย่างจำกัด”
สิ่งที่พบในท้องของเขายังให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารมื้อสุดท้ายและที่มาของเขา โดยอาวุธของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนถนัดขวา และเสื้อผ้าของเขาทำให้ดูได้ยากว่าคนโบราณสวมอะไร ซิงก์กล่าวว่าทีมวิจัยหวังว่าจะพบรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับเอิตซีเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้อมูลเกี่ยวกับเอตซี มนุษย์น้ำแข็ง ได้รับการอัปเดต เดิมที เชื่อกันว่าเอิตซีแข็งจนตาย แต่การเอ็กซ์เรย์ในปี 2001 เผยให้เห็นหัวลูกศรที่ไหล่ของเขา ซึ่งน่าจะถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้เขายังมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะและมือขวา
“เรื่องราวทั้งหมดของมนุษย์น้ำแข็งนั้นน่าสนใจ รวมถึงความลึกลับของการตายอย่างทารุณของเขา … และคำถามที่ว่าทำไมเขาถึงไปอยู่บนภูเขาสูงเมื่อเขาถูกฆ่า” ซิงก์กล่าว
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP / Getty Image